การวิจัยยาเสพติด
รูป:การวิจัยยาเสพติด
แหล่งที่มา:https://www.google.co.th
การวิจัยนับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
เพราะปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่มีความสลับซับซ้อน
นอกจากจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวยาเสพติดแล้วยังเกี่ยวข้องกับคนและสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่เสมออีกด้วย
การแก้ไขปัญหายาเสพติดจึงจำเป็นต้องทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ลักษณะและขอบเขตของปัญหา
ซึ่งการวิจัยถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการแสวงหาข้อมูลต่างๆ
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนและแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศ
ในปี 2532
มีหน่วยงานสถาบันวิจัยและบุคคลที่ดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับยาเสพติดที่ประสานงานกับสำนักงาน
ป.ป.ส. ดังต่อไปนี้ (สำนักงาน ป.ป.ส. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ๒๕๓๒)
1.
ศูนย์ประสานงานกลางองค์การภาคเอกชนต่อต้านยาเสพติดสาขาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะกรรมการการพัฒนาชุมชนของสภาสังคมสงเคราะห์๚ โดย
ร.ศ.ดร.โสภา ชูพิกุลชัย
ได้ดำเนินการวิจัยเรื่อง
"การศึกษาการแพร่ระบาดของการติดสารเสพติดในเด็กและเยาวชนย่านชุมชนแออัด : ศึกษาเฉพาะกรณีในเขตกรุงเทพมหานคร"
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึงวิธีการแพร่ระบาดของการติดสารเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนย่านชุมชนแออัดของกรุงเทพมหานครและเพื่อให้ทราบถึงมูลเหตุจูงใจที่ทำให้บุคคลเหล่านี้ใช้สารเสพติด
2. กระทรวงศึกษาธิการ
2.1 หน่วยศึกษานิเทศก์
กรมการฝึกหัดครู ได้ดำเนินการวิจัยเรื่อง
"การศึกษาสภาพการรู้จักใช้และทัศนคติเกี่ยวกับสารเสพติด
ของนักเรียนและเยาวชนอายุ 16-18 ปี พ.ศ. 2532"
โดยได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนงบประมาณการวิจัยจาก Narcotics
Assistance Unit (NAU) เพื่อศึกษาถึงความรู้ ทัศนคติและการใช้สารเสพติดของนักเรียนในสถานศึกษา
2 ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา และเยาวชนนอกสถานศึกษา
2.2 หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา
ได้ดำเนินการวิจัยเรื่อง
"การศึกษาสภาพการป้องกันการใช้ยาในทางที่ผิดในโรงเรียนมัธยมศึกษา
กรมสามัญศึกษา" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการดำเนินการป้องกันการใช้ยาในทางที่ผิดในโรงเรียนมัธยมศึกษา
สังกัดกรมสามัญศึกษา
3. กรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย
1."การศึกษาเรื่องภาวะการเสพสารเสพติดของผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน"
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและปราบปรามการแพร่ระบาดของสารเสพติดในเรือนจำและทัณฑสถาน
ตลอดจนกำหนดวิธีปฏิบัติและบำบัดรักษาผู้ต้องขังที่เสพสารเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2."ความสัมพันธ์ระหว่างการเสพยาเสพติดกับการประกอบอาชญากรรม : ศึกษาเฉพาะกรณีผู้ต้องขังในเรือนจำกลาง"
โดยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ
มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอาชญากรรมกับการเสพยาเสพติดประเภทหรือลักษณะของอาชญากรรมที่มีความสัมพันธ์กับการเสพยาเสพติดและเพื่อหาแนวทางในการปฏิบัติแก้ไขที่เหมาะสมต่อผู้ต้องขังคดีอื่นๆนอกเหนือจากคดียาเสพติดให้โทษที่กระทำผิดเพราะยาเสพติด
4. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
กองควบคุมวัตถุเสพติด
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ดำเนินการวิจัยเรื่อง
"การสำเร็จรูปแบบการใช้วัตถุออกฤทธิ์ในประเทศไทย" โดยได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก
United
Nations Fund for Drug Abuse Control (UNFDAC) มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต การนำเข้า
ส่งออกและจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเทศไทย
พร้อมทั้งหามาตรการที่จะติดตามควบคุมการผลิต จำหน่ายและใช้ยาดังกล่าว
5. สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
กองป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด
สำนักอนามัย โดยนางดวงเดือน ขัติยะวรา
และคณะได้ดำเนินการวิจัยเรื่อง"โครงการงดข้าวขาว"
เพื่อศึกษาหาวิธีการช่วยเหลือผู้ป่วย
โดยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการติดรับประทานข้าวขาวมาแต่เกิด เปรียบเทียบการหยุดเสพ
การติดเฮโรอีนของผู้ป่วยที่กำลังรักษาอยู่
ทำให้เข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ของผู้ติดเฮโรอีนที่ทำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลิกเสพ
6.สำนักงาน ป.ป.ส.
ในปี 2532 สำนักงาน ป.ป.ส.
ได้จัดสรรทุนอุดหนุนการวิจัยให้แก่หน่วยงานที่ขอทุนสนับสนุนตามโครงการเงินอุดหนุนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
คือ
"โครงการทดลองหารูปแบบในการเผยแพร่ความรู้เพื่อป้องกันยาเสพติดในกลุ่มผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล"
โดยกรมแรงงานเป็นผู้ดำเนินการวิจัย
มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบว่าผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรการป้องกันยาเสพติดในสถานประกอบการได้นำความรู้ที่ได้เผยแพร่หรือปฏิบัติในสถานประกอบการของตนอย่างไร
ได้ผลประการใดและเพื่อหารูปแบบในการเผยแพร่ความรู้เพื่อป้องกันยาเสพติดในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน
ในปีเดียวกันนี้
สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัยจาก NAU ในการวิจัยเรื่อง
"โครงการศึกษาคุณภาพของฝิ่นและศึกษาเปรียบเทียบองค์ประกอบทางเคมีของตัวอย่างฝิ่นในภาคเหนือของประเทศไทย"
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพฝิ่นลักษณะเฉพาะขององค์ประกอบทางเคมีของฝิ่นจากแหล่งต่างๆในบริเวณภาคเหนือซึ่งเป็นการนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาช่วยเสริมและสนับสนุนประกอบกับข้อมูลด้านอื่นๆในการติดตามสืบสวน
สอบสวน และพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น