การปราบปรามยาเสพติด

การปราบปรามยาเสพติด
ในปี 2532 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามยาเสพติด ทำการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดยาเสพติดทั่วประเทศได้รวมทั้งสิ้น 60,546 คดี ผู้ต้องหา 63,316 คน ยึดยาเสพติดของกลางได้ดังนี้   (สำนักงาน ป.ป.ส. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ๒๕๓๒)
            ฝิ่น                     1,809.60 ก.ก.
            พันธ์ฝิ่น            33,376.43 ก.ก.
                        มอร์ฟีน                     28.36 ก.ก.
                        เฮโรอีน                     718.61 ก.ก.
                        กัญชา                 107,945.82 ก.ก.
                        แอมเฟตามีน               54.36 ก.ก.
                   นอกจากนี้เพื่อให้การดำเนินงานด้านปราบปรามยาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสำนักงาน ป.ป.ส. 
ได้ดำเนินงานดังนี้
1.       โครงการปราบปรามการแพร่ระบาดยาเสพติดในกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดทำโครงการเร่งรัดการปราบปรามยาเสพติดในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดซึ่งกระจายอยู่ในแหล่งชุมชนแออัดต่างๆทั่วกรุงเทพ และอยู่ในความรับผิดชอบของสถานีตรวจนครบาลต่างๆรวม 69 สถานีโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้สถานีตำรวจที่มีพื้นที่การแพร่ระบาดยาเสพติดรุนแรงสามารถดำเนินการปราบปรามการค้ายาเสพติดได้อย่างต่อเนื่องและลดปัญหาการลักลอบค้ายาเสพติดในแหล่งชุมชนที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นจึงได้กำหนดเป้าหมายในปี 2532 ไว้ 10 สถานีภายใต้โครงการแพร่ระบาดยาเสพติดในกรุงเทพ และจังหวัดใกล้เคียงดังต่อไปนี้
           เขตใต้ : สน. บางรัก ยานนาวา ปทุมวัน
           เขตเหนือ :  สน. ห้วยขวาง ดินแดงพญาไท นางเลิ้ง
           เขตธนบุรี :  สน.บางกอกน้อย ราษฎร์บูรณะ บางขุนเทียน
การพัฒนาระบบการข่าว การพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลข่าวสารด้านยาเสพติดโดยนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ให้เป็น1.       ประโยชน์ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆทำให้สามารถตรวจสอบฐานข่าวในการปฏิบัติการสืบสวนกลุ่มนักค้ายาเสพติดทั้งภายในและภายนอกประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ผลจากการประสานงานด้านการข่าวระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานต้านยาเสพติดทั้งภายในและต่างประเทศทำให้สามารถจับกลุ่มนักค้ายายาเสพติดซึ่งทำการลักลอบขนยาเสพติดจากประเทศไทยแล้วไปจับกุมได้ยังต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 38 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักค้ายาเสพติดระหว่างประเทศรายสำคัญจำนวน 9 ราย จากประเทศออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา
2.       แผนปราบปรามกัญชา แผนปราบปรามกัญชาเป็นการรวบรวมผลการปฏิบัติการของ 3 โครงการ คือ 1.โครงการสกัดกั้นเส้นทางลำเลียง   2.โครงการตัดฟันกัญชา    3. โครงการประสานงานด้านการข่าว 
            จากการตรวจค้นและการจับกุมกัญชาแห้งบริเวณชายแดนไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามโครงการต่างๆตั้งแต่ปี  2530-2532 ทำให้บรรดานักค้ายาเสพติดบริเวณชายแดนปรับเปลี่ยนวิธีการลักลอบลำเลียงให้ปลอดภัยมากขึ้น เช่น ทำการลำเลียงในปริมาณที่น้อยลงคือ  เดิมลำเลียงครั้งละ 1,000-2,000 กิโลกรัม เป็นลำเลียงครั้งละ 20-50 กิโลกรัม โดยใช้คนเดินเท้าแบบกองทัพมด ทำให้การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ต้องทำการปฏิบัติการตรวจค้นและออกลาดตระเวนดูความเคลื่อนไหวอยู่เสมอ การลักลอบลำเลียงกัญชาจากประเทศใกล้เคียงจะทำการลำเลียงโดยใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางลำเลียงานภาคกลางและภาคใต้ไปยังประเทศมาเลเซียจากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้ปริมาณการค้ากัญชาระหว่างประเทศมีจำนวนลดลงจาก 365 ตัน ในปี 2530 และ 374 ตัน ในปี 2531 เหลือเพียง 133 ตัน ในปี 2532 โดยมีประเทศปลายทางที่สหรัฐอเมริกาเป็นสำคัญ
           สำหรับโครงการสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงและโครงการตัดฟันกัญชาได้ดำเนินการในลักษณะการประสานงานกับจังหวัดเป้าหมาย 5 จังหวัด คือ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร หนองคาย และเลย สามารถตัดฟันทำลายไร่กัญชาคิดเป็นพื้นที่ 481 ไร่ ส่วนพื้นที่ภาคใต้ สำนักงาน ป.ป.ส. ไม่ได้กำหนดให้มีการประสานงานผ่านจังหวัด แต่ใช้เป็นการประสานโดยตรงกับหน่วยปฏิบัติที่จะเข้าร่วมในโครงการประสานงานด้านการข่าวกับ ตชด. ซึ่งได้ตัดฟันกัญชา 314.5 ไร่ กัญชาที่ทำการตัดฟันในภาคกลาง คือ จังหวัดปราจีนบุรี ประจวบคีรีขันธ์และกาญจนบุรี รวม 7.7 ไร่ ในพื้นที่ภาคเหนือ 6 จังหวัด คือ ลำปาง ตาก เชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ พะเยา สามารถตัดฟันไร่กัญชาได้ 96.1 ไร่  ในปี 2532 สามารถตัดฟันทำลายไร่กัญชาทั่วประเทศคิดเป็นพื้นที่ 899.3 ไร่ มีน้ำหนัก 590,803.40 กิโลกรัม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น